“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” เผย รัฐบาลมุ่งหวังเดินหน้าใช้ “ทางรัฐ” เป็นแอปฯ หลัก ดูแลประชาชน เห็นด้วย ธนาคารควรร่วมรับผิดชอบร่วมกับเหยื่อ หากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
วันที่ 18 กันยายน 2567 เมื่อเวลา 09.55 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนาแอปพลิเคชันทางรัฐของรัฐบาลว่าปัจจุบันแอปฯ นี้ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลมุ่งหวังให้แอปฯ นี้เป็นซูเปอร์แอปที่จะเป็นแอปฯ หลัก รองรับการให้บริการต่าง ๆ ที่ภาครัฐจะให้บริการกับประชาชนอย่างครอบคลุม ไม่ได้ใช้เป็นครั้งคราวแต่ใช้ต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีในอนาคตก็จะมาใช้แอปฯ นี้ด้วย สำหรับเรื่องการจะพัฒนาให้แอปฯ ทางรัฐสามารถรองรับการจ่ายเงินให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยตามนโยบายนายกฯ นั้น ก็สามารถที่จะทำได้ในระยะต่อไปเพราะในระบบนี้มีฐานข้อมูลที่ประชาชนลงทะเบียนไว้จำนวนมากกว่า 30 ล้านคน ทั้งนี้อาจจะใช้ในเรื่องของพร้อมเพย์เข้ามาช่วย อย่างไรก็ตามขึ้นกับการตัดสินใจของกระทรวงการคลังอีกครั้ง ตรงนี้ขอรอความชัดเจนจากกระทรวงการคลังแต่ว่าในเรื่องระบบนั้นทำไม่ยากเพราะสามารถที่จะเชื่อมโยงข้อมูลกันได้อยู่แล้ว
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เรียกร้องไปยังผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ออกมาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เช่น ให้ธนาคารพาณิชย์ควรออกมารับผิดชอบค่าเสียหายร่วมกับเหยื่อ รวมถึงควรมีระบบหน่วงเงินไม่ให้มีการโอนเงินรวดเร็ว ว่า ถือเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่ได้มีการแถลงต่อรัฐสภาแล้ว ที่ธนาคารพาณิชย์ และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ส่วนข้อสังเกตของนายวิโรจน์นั้น ตนเข้าใจ โดยศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC 1441 ของกระทรวงดีอี ได้ทำงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยมาตลอด และมาตรการต่าง ๆ ที่ออกไปก็มีการกลั่นกรอง โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการหารือและออกมาเป็นมาตรการ ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ส่งผลที่เป็นประโยชน์แล้ว เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ธนาคารพาณิชย์จะมาร่วมรับผิดชอบกับเจ้าของบัญชีเงินฝาก นายประเสริฐ กล่าวว่าเรื่องนี้กำลังดำเนินการอยู่และศูนย์ AOC จะมีการประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งการมีส่วนร่วมสามารถออกแบบให้มีความเหมาะสม และระยะที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ของประชาชนให้มากที่สุด ขอเวลาอีกสักนิด
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/