“พิชิต” โว! ถ้าไม่เก่งจริง ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี เหตุ รู้ทุกปัญหาในทำเนียบฯ ยกมือไหว้ ขอโอกาสประชาชนพิสูจน์ผลงาน พร้อมปรับศูนย์ร้องทุกข์ให้เป็นทำเนียบฯ เพื่อประชาชน ยัน ไม่เสียสมาธิหลังถูกมองเป็นสายล่อฟ้า
วันที่ 7 พ.ค. 2567 นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมนายนรวิทย์ หล้าแหล่ง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ และนายวรชัย เหมะ ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อที่ตึกบัญชาการ 1 หลังประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ตนเองมีความพร้อมในการเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเองรับผิดชอบด้านกฎหมาย กฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนา และสำนักงานเลขาคณะรัฐมนตรี ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ตนเข้ามาทำงานในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีได้รู้เห็นปัญหาหลายอย่าง แต่ด้วยตำแหน่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แต่ครั้งนี้ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมทำงานให้ Quick win ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เปรียบตนเองเป็นมือไม้นายกรัฐมนตรี และจะเอาข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยจะเปลี่ยนให้เป็นทำเนียบช่วยได้ ทำศูนย์ร้องทุกข์ของทำเนียบฯ ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ตั้งเป้าภายใน 30 วันจะต้องเห็นรูปธรรม และจะร่วมกับเพจร้องทุกข์ที่ได้รับความนิยมจนประชาชนหันไปพึ่งมากกว่ารัฐบาล ส่วนรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย แต่จะยกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาไว้ที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์
ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนา ถือเป็นปัญหาละเอียดอ่อนที่หลายปีที่ผ่านมามีปัญหาหลายเรื่องเกิดขึ้น เมื่อตนเข้ามากำกับดูแลจะไปทำความเข้าใจกับพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่เพื่อไปรับนโยบาย
นายพิชิต ชื่นบาน ย้ำว่าตนเองไม่จำเป็นต้องมาศึกษางานใหม่เพราะงานแต่ละอย่างล้วนผ่านมือและเคยให้คำปรึกษาต่อผู้เกี่ยวข้องมาตลอด 6 เดือน
ช่วงหนึ่งนายพิชิต ชื่นบาน ได้ยกมือไหว้และกล่าวว่า “ผมขอโอกาสจากประชาชนที่อยู่ทางบ้านได้รับรู้เจตนารมณ์ ของตนเอง ขอโอกาสให้ตนเองได้ทำงาน พร้อมยืนยันตนเองไม่มีเรื่องกัน แต่มีเรื่องงาน และเรื่องต่างๆ ก็เคารพสิทธิฝ่ายที่ตั้งข้อสงสัย เมื่อมีคนไปยื่นเรื่องตั้งข้อสงสัยไม่ว่าจะเป็น กกต. ป.ป.ช. ก็ขอให้รอฟังดุลยพินิจของแต่ละหน่วยงาน ว่าจะใช้ดุลยพินิจอย่างไร วันนี้ขอก้าวข้ามเพื่อไปทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ภายใต้หน้าที่ของหน่วยงานที่รับกาารยื่นหนังสือ”
นายพิชิต ยืนยันว่าตนเองไม่ใช่คนของนายทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ได้มาเป็นรัฐมนตรีเพราะเคยทำงานให้ทั้ง 2 คน ตนเองมายืนจุดนี้ได้ ขอยืนยันในความรู้ความสามารถของผม ทุกคนมีสิทธิ์ ถ้าตนไม่มีความรู้ความสามารถคงไม่ได้มายืนตรงนี้ การบริหารงานราชการแผ่นดินไม่ใช่เส้นสาย ไม่เอาพวกพ้อง และตำแหน่งที่ทำอยู่ดูแลสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ราชบัณฑิตยสถาน องค์กรมหาชน ถ้าหากตนไม่รู้เรื่อง นายพิชิตคงไม่ได้เข้ามา จึงขอให้สบายใจ ไม่มีปัญหา ส่วนที่บอกว่าตนเองเป็นสายล่อฟ้าให้รัฐบาล นายพิชิต กล่าวว่า ตนเอง คือนายพิชิต ชื่นบาน และพร้อมพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน
ส่วนเรื่องที่ฟ้องร้องด้านจริยธรรมจะกระทบไปที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิชิต ระบุว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุด พร้อมประกาศชัดว่า ตนเองมีหน้าที่ดูแลรัฐบาล ที่ต้องดูนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี บริหารราชการแผนดินให้เกิดความชอบตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ถ้าเราไม่มั่นใจในหน้าที่นี้ จะมายืนตรงนี้ทำไม
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ในฐานะนักกฎหมาย มองอย่างไรกับคดีที่ตนเองถูกตรวจสอบ และคิดว่าจะรอดหรือไม่ นานพิชิต ตอบว่า ตนคิดไปเองไม่ได้เพราะอยู่ในฐานะมีส่วนได้เสียตอนนี้ รอหน่วยงานที่รับเรื่องไปมีคำวินิจฉัย ซึ่งตนเองไม่คิดเพราะถ้าคิดจะเข้าข้างตัวเอง เราคิดอย่างเดียวว่า ถ้าเราไม่มีปัญหาก็ไม่สามารถยืนตรงนี้ และยืนยัน เรื่องที่ถูกตรวจสอบไม่ส่งผลกระทบต่อสมาธิในการทำงาน เพราะตนเองมีสมาธิสูง
ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์
เว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/