กำแพงเพชร-หนุ่มใหญ่ รปภ.วัย 45 ปี เพิ่งถูกลอตเตอรี่เลขท้าย 2 ตัว เลิกงานรีบบิด จยย.กลับบ้าน พุ่งชนรถอ้อยดับสลด เผยจุดเกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด ไม่มีไฟส่องสว่าง และเป็นทางโค้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 17 มกราคม 2566 พ.ต.ท.ยุทธนา พุกสุก สว.สอบสวน สภ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถตัดอ้อย บนถนนสายท่ามะเขือ-กำแพงเพชร (สายใน 1084) ม.6 (บ้านแหลมยาง) ต.วังบัว อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ศพ จึงได้ออกตรวจสอบพร้อมกับอาสากู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จุดท่ามะเขือ-จุดวังบัว
ที่เกิดเหตุพบศพ นายศุภชัย สุวรรณนำปน อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 ม.5 ต.หินดาด อ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร เป็น รปภ.ของบริษัท S&J ทำงานอยู่ในโรงงานอายิโน๊ะโมโน๊ะ ในพื้นที่ ม.3 ต.คณฑี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร นอนเสียชีวิตอยู่ข้างลูกท้ายรถพ่วงที่จอดอยู่ไหลทาง (ไม่มีหัวรถ) สภาพศพบริเวณหัวและใบหน้ามีแผลฉกรรจ์เลือดไหลนองเต็มพื้น โดยยังสวมใส่ชุดทำงาน (รปภ.) ซึ่งห่างออกไปประมาณ 30 เมตร พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ซูซูกิ SHOOTER 115 FI สีดำแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน สภาพด้านหน้ารถพังยับ ล้มอยู่ข้างถนน และกู้ภัยได้จับตั้งขี้น ซึ่งจุดเกิดเหตุยังพบรถตัดอ้อยคันใหญ่ (ทางการเกษตร) จอดอยู่บริเวณป่าอ้อยข้างทางใกล้กับจุดเกิดเหตุ
ขณะที่เกิดเหตุญาติของผู้ตายได้โทรเข้ามาที่มือถือของผู้ตาย โดยมีอาสากู้ภัยสว่างฯ รับสาย และบอกว่าเจ้าของโทรศัพท์เสียชีวิตแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตาย พบว่ามี ลอตเตอรี่ งวดวันที่ 17 ม.ค.66 จำนวน 2 ใบ คือตัวเลข 604547, 913347 ที่เพิ่งออกผลฉลากไป ซึ่งเป็นลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เลข “47” ทั้ง 2 ใบ พร้อมกระเป๋าเงินสัมภาระ และวิทยุสื่อสารทรัพย์สินต่างๆ ของผู้ตาย โดยตำรวจได้ทำการเก็บส่งญาติของผู้เสียชีวิต จากนั้นได้ให้แพทย์เวร รพ.คลองขลุง เข้าชันสูตรศพของผู้เสียชีวิต เบื้องต้น พบว่าบริเวณใบหน้าและศีรษะมีแผลฉกรรจ์เลือดไหลจำนวนมากจากอุบัติเหตุดังกล่าว พร้อมให้กู้ภัยนำศพส่งโรงพยาบาลคลองขลุง เพื่อให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศล
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานต่างๆ ทั้งร่องรอยการเฉี่ยวชน รอยไถลของศพและรถของผู้ตายที่กระเด็นจากจุดที่ชนไปไกลประมาณ 30 เมตร ซึ่งจากข้อมูลที่คนขับรถตัดอ้อย และคนโบกรถตัดอ้อยข้ามถนน ได้ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำรถมาตัดอ้อยที่บริเวณไร่อ้อยดังกล่าว และกำลังจะขับรถข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามเพื่อกลับบ้าน ซึ่งขณะนั้นมีคนโบกรถและส่องไฟเตือนรถคันอื่นๆ ให้ระวังทั้ง 2 ฝั่ง จำนวน 4 คน เพราะเป็นทางโค้งและมืด จู่ๆ รถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้ขี่มาด้วยความไว ซึ่งก็มีการตะโกนบอกให้เบาๆ แล้ว แต่กลับบิดรถเพิ่มความเร็วจนพุ่งชน และเกือบจะชนคนโบกรถตัดอ้อย โดยขณะนั้นรถตัดอ้อยก็ออกมาพอดีและชนเข้าด้านหน้าอย่างจัง โดยตัวผู้ตายและรถจักรยานยนต์กระเด็นไปคนละทิศละทาง พอหลังเกิดเหตุก็ได้โทร.แจ้งตำรวจและกู้ภัยให้เข้ามายังพื้นที่
นายนพรัตน์ นวลแก้ว อายุ 30 ปี คนขับรถตัดอ้อย เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขับรถตัดอ้อยออกมาจากไร่อ้อยนั้น จู่ๆ ได้ยินเสียงดังโครมจากด้านหน้ารถตัดอ้อย ซึ่งตนก็คิดว่าคงมีรถมาชนอย่างแน่นอนเลยรีบลงมาดู ก็พบว่าเป็นรถจักรยานยนต์
นายจตุพร ป้อมบุบผา อายุ 57 ปี เจ้าของรถตัดอ้อย และเป็นคนโบกรถบนถนนให้รถคันอื่นระวัง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังโบกรถและส่องไฟเตือนรถคันอื่นๆ บนถนนให้ระวังทั้ง 2 ฝั่ง เพราะเป็นทางโค้งและมืด จู่ๆ รถจักรยานยนต์ของผู้ตายได้ขี่มาด้วยความเร็ว ซึ่งก็ได้มีการตะโกนบอกให้เบาๆ และระวัง แต่ผู้ตายกลับเบิ้ลรถใส่ตน และบิดรถเพิ่มความเร็วจนพุ่งชนรถตัดอ้อยของตน ซึ่งก็เกือบจะชนตนเองที่กำลังโบกรถตัดอ้อยอยู่ด้วย ตนต้องกระโดดหลบ โดยขณะนั้นรถตัดอ้อยก็ออกมาพอดีเพื่อจะกลับบ้าน เลยชนเข้าด้านหน้าอย่างจังจนเกิดการสูญเสียดังกล่าว
“ตนเองพยายามให้ลูกน้องโบกเตือนรถทั้ง 2 ฝั่ง รอจนไม่มีรถถึงได้ให้ขับข้ามฝั่งเพื่อกลับบ้าน จู่ๆ รถจักรยานยนต์ก็ขี่มาด้วยความเร็ว และชนเข้าอย่างจัง ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุแบบนี้ จึงได้มีความระมัดระวังอย่างมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าว”
นายทรงเกียรติ ทองนวล อายุ 25 ปี เพื่อนรุ่นน้องที่ทำงานเป็น รปภ.เดียวกันกับผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้ตายทำงานเป็น รปภ.อยู่บริษัทเดียวกับตนเอง ซึ่งพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดของผู้ตาย หลังเลิกงานวันนี้ก็จะกลับบ้านต่างอำเภอ (อ.ปางศิลาทอง) ซึ่งปกติผู้ตายจะไม่ดื่มเหล้าหากจะกลับบ้าน จะดื่มก็ต่อเมื่อวันหยุดเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด ไฟส่องสว่างไม่มี และเป็นทางโค้ง